ด้วยความที่เอริคเป็นภูมิแพ้(อากาศ)
วันจันทร์ที่ผ่านมาเลยพาไปหาหมอที่คลีนิกเด็ก
เพื่อขอยาแก้แพ้
ก่อนไปก็โทรจองคิวก่อน
พยาบาลก็ถามอาการว่าเป็นอะไร
เราก็บอกว่า เอริคมีอาการคันจมูก คันผิว ขอบตาแดง ไม่มีไข้ใดๆ
พยาบาลเลยนัดให้มาตอนบ่าย3โมง
.
พอไปถึง คุณพยาบาลก็ขอบัตรประกันสุขภาพ + 母子手帳 boshitechou (สมุดพกสมุดบันทึกการฉีดวัคซีนและพัฒนาการของเด็ก)
ขอเรียกย่อๆว่า สมุดพกฯละกัน เพื่อความกระชับ
.
ปรากฎว่าในสมุดพกเอริค
ไม่มีข้อมูลอะไรเขียนอยู่เลย
(ก็แหงล่ะ เราเพิ่งย้ายมาจากไทย เมื่อต้นธ.ค.ที่แล้ว มันเลยไม่มีข้อมูลที่ญี่ปุ่นเลย)
พยาบาลก็เริ่มงง เราเลยอธิบายไปว่า เราเพิ่งย้ายมาจากไทย
ทีนี้ นางแพนิคเลยจ้า
จับไปปอยู่อีกห้องนึงเลย รอนานมาก สักพักมีพยาบาลมาสัมภาษณ์ ในระยะ social distance
🛑ถาม 🛑ตอบ
มาญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่ - 5 ธ.ค. ปีที่แล้วค่ะ
มีกักตัวมั้ย - กัก 14วันที่บ้านค่ะ
มีตรวจโควิดที่สนามบินมั้ย - ไม่มีค่ะ เพราะตอนนั้นโควิดที่ไทยไม่รุนแรง เลยไม่มีการตรวจใดๆที่สนามบิน
ลูกมีไข้มั้ยคะ - ไม่มีเลยค่ะ วันนี้ก็เพิ่งวัดมา (ทางพยาบาลก็ไม่ได้วัดไข้พวกเราซ้ำ แค่ถามเฉยๆ)
คุณพ่อ คุณแม่ละ - ไม่มีค่ะ สบายดีทั้งคู่
คุณพ่อล่ะ- ทำงานอยู่ที่ออฟฟิศค่ะ
วันนี้ลูกไปไหนบ้าง - ไปเนิสมาค่ะ
--------
ถามจบ พยาบาลเชิญไปรอด้านนอก มีผ้าขาวๆกั้น เหมือนที่รอส่วนตัว
นั่งรอกับเอริคประมาณครึ่งช.ม.
พยาบาลเดินมา ใส่ชุดป้องกันจัดเต็มมาก
บอกเชิญให้เราไปรออีกห้องนึง
เป็นห้องพิเศษ อยู่อีกที่นึง
ต้องเดินออกนอกคลีนิกไป และไปเข้าอีกทาง
จะเดินทะลุข้างในไม่ได้ เพราะมีผู้ป่วยท่านอื่นอยู่
เราก็โอเคตกลงตามนั้น
เข้าใจว่า เขาอาจเห็นเราเพิ่งมาจากตปท.อ่ะนะ เลยต้องระวัง
เพราะเขาคงไม่รู้ไทยระบาดแค่ไหน เลยไม่อยากเสี่ยง
------
พอเดินมาถึงอีกห้อง ไม่มีคนนำทางไป เราต้องเดินไปเอง พยาบาลเดินมาจากด้านใน
กวักมือเรียก และให้เราปิดประตูห้องเอง
มีอินเตอร์โฟน พยาบาลบอกว่าถ้ามีอะไร ให้กดอินเตอร์โฟนคุยแทน
เอริคก็งงๆ นั่งรอนาน นางเริ่มยุ๊กยิ๊กละ😂
โชคดีที่อีกซักพัก พยาบาลคนเดิมก็มา
ยกเครื่องช่างน.น.มาให้เราชั่งน.น.เอริคเอง และเดินออกไป
.
จากนั้นคุณหมอก็มา
คุณหมอแต่งตัวแบบในทีวีมากๆ คือจัดเต็มสุดๆ
(อารมณ์เกือบๆมนุษย์อวกาศสุดๆ)
เป็นคุณหมอดูมีอายุ
หมอบอกให้เราจับเอริคนั่งตักและ คุณหมอยืนคุยห่างๆ
คุณหมอไม่ได้ตรวจอะไร เน้นถามอาการมากกว่า
พูดรัวและเร็วมาก
(เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าฟังคุณหมอพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะคุณหมอใส่แมส หน้ากาก หมวกคลุม เสียงคุณหมอมันอู้อี้ไปหมด)
จากนั้น คุณหมอก็สั่งจ่ายยา และเดินออกไป
.
ซักพัก พยาบาลมาใหม่ บอกว่า
"ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่เราต้องปฏิบัติกับคุณแบบนี้ พอดีช่วงโควิดฯ และเรามีผู้ป่วยเด็กท่านอื่นด้วย เราเลยต้องระวังเป็นพิเศษ"
เรา: ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันเข้าใจมากๆเลย เข้าใจว่าคุณทำตามกฎ ไม่เป็นไรจริงๆ
.
กลับมาบ้าน เล่าให้อเล็กซ์ฟัง นางขำใหญ่
บอกว่า
"ที่ไทยรุนแรงน้อยกว่าญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ ญี่ปุ่นถึงกับขนาดยกเว้นสิทธิ์ตรวจโควิดก่อนมาให้คนไทย และอีกอย่างยูก็มาญี่ปุ่นตั้งแต่ต้นธันวาด้วย"
.
เรา: 555 แต่ใครเขาจะมานั่งเช็คล่ะ ว่าประเทศไหนรุนแรงน้อยกว่าญี่ปุ่นบ้าง
เขาก็ต้องกันไว้ก่อน ก็เข้าใจเขาอะนะ
สมมุติว่าเอริคติด คลีนิกเขาก็ซวย
และอีกอย่าง เผื่อยูไม่รู้
ตอนนี้ที่ไทยผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่าตอนที่ไอมาญี่ปุ่นเยอะเลยนะ
ป.ล. ปกติไปที่อื่น ไม่โดนเช็คอะไรแบบนี้นะคะ
อย่างตอนไปเนิสก็ไม่โดน
อาจเป็นเพราะที่อื่น เขาไม่ได้ถามว่าเราเข้าญี่ปุ่นเมื่อไหร่ บวกกับ
ครั้งนี้ เขาเห็นสมุดพกฯโล่ง เลยแพนิคกัน
.
จบการพาเอริคไปหาหมอ
จริงๆจะไม่ไปก็ได้ แต่เพื่อนบอกว่า
ที่นี่ เด็กหาหมอฟรีหมด
อย่างถ้าผิวมีปัญหา ไปหาหมอผิวหนัง ให้หมอออกใบสั่งยาให้เป็นครีมกลับบ้านมา ฟรีๆ ดีกว่าไปซื้อเอง เลยลองไปดู